Categories
ข่าว

ไปไม่ถึงฝัน!! “พิธา” หมดสิทธิ์เป็น “นายกฯ” แล้ว รัฐสภา มีมติไม่ให้เสนอชื่อซ้ำ

วันที่ 19ก.ค.66 การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 09.30 น. ทันทีที่ นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ให้รัฐสภาพิจารณา ก็ถูก สส.และ สว. ลุกขึ้นโต้แย้ง ยกข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 41 ที่ระบุว่า “ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติ ซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีก ในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ยังมิได้มีการลงมติ หรือ ญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่า เหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป” มาใช้กับญัตติในครั้งนี้ จนเกิดการโต้เถียงไปมา เกือบ 3 ชม.

ก่อนที่ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จะลุกขึ้นแจ้งต่อที่ประชุมรัฐสภา ว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ รับคำร้องนายพิธา ถือครองหุ้นสื่อมวลชน สิ้นสภาพ สส.หรือไม่ ไว้พิจารณาแล้ว และ มีคำสั่งให้ หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ทำให้เกิดการประท้วงไปมาจาก สส.ก้าวไกล อย่างดุเดือด ก่อนจะกลับเข้ามาอภิปรายเรื่องโหวตชื่อนายพิธา ซ้ำได้หรือไม่

และ ในระหว่างการอภิปราย นายพิธา ได้ลุกขึ้นพูดกลางห้องประชุม ว่า รับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และ จะปฏิบัติตามคำสั่ง จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยเป็นอื่น ขออำลาท่านประธานจนกว่าจะพบกันใหม่ และ ฝากเพื่อนสมาชิกให้รับใช้รัฐสภา ดูแลพี่น้องประชาชน ตนเองเชื่อว่า ประชาชนชนะมาได้ครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง แม้ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ก็ขอให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันดูแลประชาชนต่อไป เมื่อนายพิธา พูดจบได้เดินออกจากห้อง สมาชิกหลายคนลุกขึ้นยืนปรบมือ โอบกอดให้กำลังใจ บางคนถึงกับร้องไห้ ก่อนจะอภิปรายกันต่อ

เมื่อเสร็จสิ้นการอภิปราย ในเวลาประมาณ 17.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้ขอให้ที่ประชุมลงมติ โดยถามว่า การเสนอชื่อนายพิธา เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณา เป็นผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เป็นมติต้องห้ามตามข้อบังคับข้อที่ 41 หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง จากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดที่มี 748 คน ไม่ให้เสนอชื่อซ้ำ ด้วยคะแนน 395 ต่อ 312 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 1 ส่งผลให้นายพิธา หมดโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีทันที จากนั้น ประธาน สั่งปิดที่ประชุมทันที