Tag: พรรคเพื่อไทย

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สส. รวม 61 คน มีผู้ที่น่าสนใจ ดังนี้ นายสุทิน คลังแสง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินรวมกัน 18,184,405.86 บาท และ มีหนี้สินรวมกัน 6,034,957.71 บาท แบ่งเป็น ทรัพย์สินของตนเอง 7,107,890.04 บาท ของคู่สมรส 11,076,515.82 บาท ส่วนหนี้สิน ของตนเอง 3,679,979.10 บาท และ ของคู่สมรส 2,354,978.61 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับการยื่น กรณี พ้นจากตำแหน่ง สส. แจ้งต่อ ป.ป.ช. วันที่ 4ก.ค.66 พบว่า ทรัพย์สินรวมทั้งสองคนเพิ่มขึ้น 465,709.55 บาท แต่ทรัพย์สินส่วนตัวลดลง 60,984.96 บาท ส่วนคู่สมรส […]

นายสุทิน คลังแสง เป็นนักการเมืองชาวไทย ปัจจุบัน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 10 ของพรรคเพื่อไทย และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดมหาสารคาม ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ประธานวิปฝ่ายค้าน) อดีตรองโฆษกพรรคไทยรักไทย และ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ จังหวัดมหาสารคาม ดร. สุทิน คลังแสง เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2504 ที่อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม สมรสกับ ดร.ฉวีวรรณ คลังแสง อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ มีบุตร 2 คน คือ นายรัฐ คลังแสง และ นางสาวฐาธิปัตย์ คลังแสง ดร. สุทิน คลังแสง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม ระดับปริญญาโท สาขาไทยคดีศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม […]

วันที่ 29 ส.ค.66 นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ผู้ที่ถูกคาดว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ตอบคำถาม ว่า รู้สึกหนักใจที่ต้องไปดูกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นกระทรวงใหญ่หรือไม่ บอกเพียงว่า ขณะนี้ยังไม่อยากพูดอะไร เพราะยังไม่รู้จะอยู่ตำแหน่งใด หากพูดตอนนี้ก็เดาหมด และตนไม่ได้พูดคุยกันกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เนื่องจาก นายกรัฐมนตรีมีภารกิจมากมาย จึงไม่ค่อยมีเวลาคุย นายสุทิน กล่าวถึง นายทหารในพรรค ที่จะมาเป็นที่ปรึกษาหรือทีมงานว่า ได้คุยกับหลายคนที่เคารพนับถือ เช่น พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก โดยเฉพาะ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม ช่วงที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เวลาตอนลงพื้นที่หาเสียงในภาคอีสาน ยุคไทยรักไทยก็ไปกันท่าน สนิทกัน ก็คงได้คำแนะนำจากท่านเหล่านั้นเกี่ยวกับงานด้านทหารด้วย ส่วนเหตุการณ์หลังการรัฐประหารได้ถูกทหารกักตัวไว้ จะมีปัญหาทำงานร่วมกับทหารอย่างสนิทใจหรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า เรื่องผ่านมาแล้ว ตนไม่ได้คิดอะไร […]

วันที่ 25ส.ค.66 นายสุทิน คลังแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว อาจได้รับแต่งตั้งให้เป็น รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน และ ยังไม่ได้รับการติดต่อจากใคร ส่วนความคืบหน้าในการจัดกระทรวงนั้น ยังรอฟังอยู่ และ มองว่า ความชัดเจนของ ครม. น่าจะได้เห็นในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ หากได้รับการเสนอชื่อในตำแหน่งดังกล่าวจริง นายสุทิน ยืนยันว่า มีความพร้อม เพราะเคยเป็นครูมาก่อน และ เป็นงานด้านที่ถนัด แต่ถ้าหากได้รับมอบหมายกระทรวงกลาโหม หรือ กระทรวงอื่น ก็พร้อมเช่นกัน

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 23 ส.ค.66 ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน เข้าพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมืองเข้าร่วมพิธีฯ โดยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการมาถึงและได้อ่านพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้น นายเศรษฐา ได้ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ ก่อนแถลงความว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กระผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นศุภสิริมงคล แก่ชีวิตและขวัญกำลังใจอันสูงสุด แก่กระผมและครอบครัว อย่างหาที่สุดมิได้ กระผมมีความปลื้มปิติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นล้นพ้น และขอเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ทั้งจักมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และความ วัฒนาสถาพร ของประเทศชาติ สนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการ และตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ ในวาระที่ผมได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในวันนี้ ผมขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ที่ผ่านมา ขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทย ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานทุกภาคส่วน ขอขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลที่สนับสนุน ตลอดจนภาคประชาสังคม เอกชน สำหรับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้ผมได้มีโอกาสในการบริหารราชการแผ่นดิน พี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพ ผมขอยืนยันว่าผมจะทุ่มเททำงานตามมาตรฐานจริยธรรมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ผมมั่นใจว่า 4 […]

วันที่ 22 ส.ค.66 การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีผู้ถูกเสนอชื่อเพียงคนเดียว คือ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และให้มีการลงคะแนนแบบเปิดเผย ด้วยการขานชื่อทีละคน โดยใช้เวลาในการลงคะแนน 2 ชม.ผลการลงคะแนน มีดังนี้ สมาชิกรัฐสภา 747 คน จากทั้งหมด 750 คน (นางสาวเรณู ตังคจิวางกูร สว.ลาออก , นายนครชัย ขุนณรงค์ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ลาออก และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่) ลงคะแนนเห็นชอบ 467 ไม่เห็นชอบ 164 งดออกเสียง 81 เนื่องจาก นายเศรษฐา ได้รับคะแนนเห็นชอบ เกิน 374 เสียง จึงได้รับเลือกเป็น […]

วันที่ 2ส.ค.66 พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ ชี้แจงเหตุผล ยกเลิก MOU 8 พรรค และ ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกล่ร่วมด้วย โดยมีข้อความดังต่อไปนี้ เริ่มต้นใหม่ ร่วมผ่าทางตัน หาทางออกให้ประเทศ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ได้จับมือร่วมกับ พรรคการเมือง อีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้ง 8 พรรคมีข้อสรุปภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีความเห็นอย่างชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ยึดมั่นในการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศและไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาได้ โดยมีเพียง 324 เสียงจากที่ต้องการถึง 376 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถทั้งการอภิปราย และยกมือสนับสนุน 141 เสียง แต่เนื่องจากปรากฏเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา […]

วันที่ 6 ธันวาคม 2565 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวในการประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2565 พร้อมเปิด 10 นโยบายพลิกฟื้นประเทศ ปี 2570 โดยรัฐบาลเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาตนพร้อมคณะกรรมการได้ลงพื้นที่ศึกษาและทำวิจัยพบว่า ประเทศถอยหลังไปมาก ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และไร้ที่ยืนบนเวทีโลก ประชาชนจำนวนมากมีหนี้ท่วมท้นและสะสมเป็นเวลานาน ปัญหาต่าง ๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จำเป็นต้อง ‘คิดใหญ่’ เพราะหากคิดเล็กจะรับมือปัญหามากมายขนาดนี้ไม่อยู่ และต้อง ‘ทำเป็น’ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ ยืนยันได้จากผลงานตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย จนถึงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เราสามารถคืนความสุข ความเจริญ ความกินดีอยู่ดีให้พี่น้องประชาชนได้ หัวข้อในแคมเปญรณรงค์ต่อจากนี้ จึงเปลี่ยนจาก ‘พรุ่งนี้เพื่อไทย’ เป็น ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ แพทองธาร กล่าวว่า ภายในปี […]