Categories
ข่าว

ร้อยเอ็ด พ่อร้อง! ครูทำร้าย ลูกชาย 2 ขวบ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

จากกรณีเพจเฟสบุ๊คเป็นหนึ่ง ได้โพสภาพพร้อมข้อความโดยระบุว่า “พ่อเด็ก 2 ขวบร้องมาทาง เป็นหนึ่ง ว่าลูกถูกครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ทุบตีลูกชายของตนด้วยถาดข้าวที่เป็นเหล็ก จนร่างกายมีบาดแผลฟกช้ำ ทางเป็นหนึ่ง รับเรื่องแล้ว และจะลงพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนที่สุด !! ต้องตีแรงขนาดไหน ถึงซ้ำขนาดนี้ ? #เป็นหนึ่ง #ทำร้ายเด็ก #เสลภูมิ #ร้อยเอ็ด ”

คืบหน้าล่าสุด 10 พย.66 น.ส.ชลิดา พละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงานได้เข้าพบน้องอันดาและยายที่ดูแล พร้อมกับพ่อแม่ที่พึ่งเดินทางกลับจาก จ.ระยอง โดยน้องอันดายังมีไข้อ่อนๆ

สอบถาม ยายของน้องอันดา เล่าว่า ในช่วงเย็นวันที่ 7 พ.ย.66 ใน ขณะที่ตนกำลังจะอาบน้ำให้น้องอนันดา ซึ่งน้องก็จะถอดเสื้อผ้าเองได้ตนก็พบว่ามีบาดแผลฟกช้ำบริเวณแผ่นหลังของน้องก็เกิดความสงสัย แต่ก็ยังไม่ได้คิดว่าโดนทำร้าย แต่คิดว่าน่าจะโต๊ะนักเรียนหรืออาจจะไปเล่นเครื่องเล่นหรือหยอกล้อกับเพื่อน แต่ก็ไม่น่าจะช้ำมากขนาดนี้

ในช่วงเช้าของวันพุธที่ 8 พ.ย.66 ตนจึงได้ไปส่งหลานที่โรงเรียนและสอบถามครูที่อยู่ในศูนย์เด็กเล็ก แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ หลังจากนั้นก็ได้มาถามชาวบ้านที่อยู่ในงานกฐินภายในหมู่บ้าน ซึ่งก็ได้รับข้อมูลว่ามีเพื่อนของน้องอันดามาแจ้งกับพ่อแม่ว่า น้องอันดาถูกครูตีก็พูดตามประสาของเด็ก ซึ่งตนก็ได้ไปถามคุณครูผู้ก่อเหตุว่าได้คำตอบว่าใช้มือตี 2 ครั้ง เนื่องจากน้องอันดาโยนของเล่นใส่เพื่อน ตนจึงได้แจ้งพ่อและแม่เด็กและได้ร้องเรียนต่อเพจเป็นหนึ่ง เพื่อให้เข้าช่วยดำเนินการพบเกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม เนื่องจากสามีของครูผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจใน สภ.ที่ทำคดีดังกล่าว

น.ส.ชลิดา พละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง กล่าวว่า หลังจากทางมูลนิธิรับแจ้งจากพ่อของเด็ก ก็รีบเดินททางจากกรุงเทพมายังร้อยเอ็ด ในคืนวานนี้ทันที เนื่องจากครอบครัวผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากสามีของผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจสังกัดเดียวกันกับที่รับแจ้งความ ซึ่งหลังจากวันนี้ได้ดูคลิปวงจรปิดที่เกิดเหตุ ตนว่าครูได้ทำรุนแรงเกินไปกับเด็กอายุเพียงแค่ 2 ปี ที่อาจจะวางถาดหลุมได้ช้า ก็ควรจะตักเตือนหรือใช้วิธีการอื่นที่ไม่ใช่การลงโทษด้วยการทุบตีเพราะเป็นลูกใครใครก็รัก ซึ่งตนจะติดตามการดำเนินการทางวินัยและการดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด เพราะครูแบบนี้ไม่ควรจะกลับมาสอนเด็กอีก

พนักงานสอบสอบ สภ.โพธิ์ทอง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจคปิด เพื่อนำมาประกอบหลักฐานในสำนวนคดี ซึ่งเบื้องต้นจะได้เรียกตัวผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่หากพบหลักฐานการกระทำผิดเพิ่มเติม จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในภายหลัง