วันที่ 10 ต.ค.2566 บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง ตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป.สั่งการให้ พ.ต.ท.นพพล ปุยะติ สว.กก.1 บก.ป.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป., กก.5 บก.ป., เจ้าพนักงานตำรวจ กก.ต่อต้านการก่อการร้าย.บก.ปฏิบัติการพิเศษ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บรบือ จว.มหาสารคาม ร่วมกันจับกุม นายชลนทีฯ และน.ส.ธาราทิพย์ฯ ในฐานความผิด “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 66 พนักงานสอบสวน สภ.บรบือ ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิง สภาพศพนอนหงายอยู่ในโอ่งแดงข้างบ้าน สวมกางเกงขาสั้น เสื้อยืด มือเท้าหงิกงอ จากการชันสูตรศพ พบว่าถูกแทงด้วยของมีคมตามลำตัว 13 แผล โดยเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง
จากการซักถามปากคำพยานในที่เกิดเหตุเผยว่าก่อนพบศพผู้ตายเห็นนายชลนทีฯ หรือสิน ลูกเขย และ นางสาวธาราทิพย์ฯ ลูกสาวผู้ตาย อยู่ในห้องนอน เมื่อถามว่า นางสุวรรณฯ ไปไหน ก็บอกว่าไปเก็บเห็ดที่โคกแต่เช้า ยังไม่กลับมา จากนั้นทั้งคู่ก็ลุกลี้ลุกลนหอบลูกวัย 3 เดือน ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปก่อนที่จะพบศพ พนักงานสอบสวน สภ.บรบือ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่ามีเหตุอันน่าเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 เป็นผู้ก่อเหตุ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา
ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจ ร่วมกันสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ทราบว่าใช้รถจักรยานยนต์ หลบหนีมาจากบ้านเกิดเหตุ โดยหลบหนีมาในพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อเนื่องไปยังจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของ นายชลนทีฯ และนำลูกวัย 3 เดือน ของตนมาฝากไว้กับน้าสาว ก่อนจะหลบหนีต่อไปยังจังหวัดเพชรบุรี
เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนและเดินทางไปเฝ้ารอสังเกตการณ์อยู่ในพื้นที่ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พบผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย อยู่บริเวณภายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขากำแพงแสน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนเข้าจับกุม และได้แสดงหมายจับให้ดูและอ่านให้ฟัง โดยรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง และไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสอง ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้นายชลนที เกิดมีปากเสียงกับแม่ยายคือนางสุวรรณอยู่บ่อยครั้ง เพราะไม่พอใจที่นายชลนทีไม่ยอมทำงานและยังชอบมาขอเงินใช้อีกด้วย จึงวางแผนร่วมกันกับน.ส.ธารา ก่อเหตุดังกล่าว
จากนั้นจึงแจ้งให้ทราบว่า จะต้องถูกจับกุมในข้อหาดังกล่าวข้างต้นพร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ เมื่อเข้าใจรายละเอียดแห่งการจับกุมตลอดสิทธิดังกล่าวดีแล้ว จึงได้ควบคุมตัวนำส่งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป