กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดรับสมัครทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน (Point System) ครั้งที่ 14 รอบที่ 2 เพื่อไปทำงานเกาหลีใต้ ในกิจการบริการ โควตา 3,188 คน สมัครผ่านออนไลน์ระหว่าง 16 – 17 มี.ค. 67 นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานประกาศรับสมัครทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน (Point System) ครั้งที่ 14 รอบที่ 2 ประเภทกิจการบริการ (เพศหญิง) เพื่อสมัครไปทำงานสาธารณรัฐเกาหลีตามระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ (EPS) ในโรงแรม รีสอร์ท คอนโดมิเนียม ที่พักทั่วไปและร้านอาหารเกาหลี โดยในรอบนี้ได้รับโควตาผู้สอบผ่าน จำนวน 3,188 คน ผู้สนใจสามารถสมัครผ่านเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ toea.doe.go.th ระหว่างวันที่ 16 – 17 มีนาคม 2567 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งภายหลังจากดำเนินการทดสอบเสร็จสิ้น […]
Tag: ทำงาน
1. ต้องมีความคิดเป็นของตัวเองได้แล้ว หลายๆ คนเรียนจบเมื่ออายุ 20 ต้นๆ จบมาหางานทำหาเงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปวันๆ โดยไม่ได้คิดถึงวันข้างหน้าใช้ชีวิตแบบไร้จุดหมายเผลอแปปเดียวอายุจะขึ้นเลข 3 แล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย คิดแต่จะเฮฮาสังสรรค์ไปวันๆ หันไปดูเพื่อนๆ รอบข้างอีกทีเริ่มมีบ้าน มีรถ สร้างครอบครัว มีฐานะการงานที่มั่นคง บางคนออกไปเปิดกิจการ เป็นของตัวเองด้วยแล้ว กว่าจะคิดได้แล้วเริ่มตั้งตัวก็อาจจะสายเกินไป 2. ต้องมีที่มารายได้ที่แน่นอนและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นงานประจำ งานอิสระหรือธุรกิจส่วนตัว อย่างน้อยต้องเป็นสิ่งที่สามารถสร้างรายได้ประจำให้คุณได้อย่างสม่ำเสมอการมีที่มาที่ไปของการเงินที่แน่นอนนั้น ทำให้คุณเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือในแง่ของหลักฐานการเงินโดยเฉพาะเมื่อต้องยื่นกู้สินเชื่อต่างๆ กับธนาคารเพื่อการสร้างเนื้อสร้างตัว เมื่อคุณมีอายุ 30 และมีความมั่นคงทางการงานและการเงินแล้ว คุณจะมีรากฐานชีวิตที่แน่นเพียงพอและพร้อมก้าวเดินสู่วัยเลข 4 อย่างมั่นคง 3. ต้องเตรียมเงินเก็บไว้ยามฉุกเฉิน นับตั้งแต่เราเกิด ก็คือการนับเวลาถอยหลัง ดังนั้นเมื่อ “อายุเพิ่ม” ก็เหลือเวลาหาเงิน “ลดลง”การสร้างเป้าหมายในการเก็บเงินและมีวินัยในแต่ละเดือนตั้งแต่อายุ 30 จะทำให้คุณประหลาดใจกับเงินก้อนที่เก็บได้ นอกจากการเก็บเงินแล้วคุณควรหาวิธีทำให้เงินเก็บงอกเงยขึ้นเพื่อต่อยอดต่อไปซึ่งเมื่อถึงภาวะคับขัน เช่น เจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ หรือ ครอบครัวกำลังเผชิญความลำบากคุณก็พร้อมรับมือ และช่วยเหลือคนใกล้ตัวได้ทันท่วงที 4. ต้องเริ่มรู้จักการบริหารหนี้ ความไม่มีหนี้ คือ ลาภอันประเสริฐ […]
6 วิธี เอาตัวรอด กับสังคมแย่ๆ ในที่ทำงาน
เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอ เพื่อนร่วมงานแย่ๆ ที่คอยเอาแต่จะเอาเปรียบแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นหรือพยายาม จะทำลายคุณทุกวิถีทางเพื่อกีดขวาง ไม่ให้คุณประสบความสำเร็จในหน้าที่การทำงานซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามจะองค์กรใหญ่หรือเล็ก ก็ล้วนแต่มีปัญหากระทบกระทั่ง หรือมีเรื่องบาดหมาง มีความคิดเห็นแตกต่างกันกับเพื่อนร่วมงานด้วยกันทั้งนั้นดังนั้น แล้วคงถึงเวลา แล้วที่เราจะมาใช้ 6 วิธีเพื่อรับมือกับเพื่อนร่วมงานแย่ๆ ด้วยคำแนะนำจากเราดังนี้ 1. ขจัดอคติเพื่อปรับความเข้าใจกันใหม่ การที่คุณรู้สึกแย่จากเพื่อนร่วมงาน ที่คุณมองว่า เขาไม่ดีในสายตาคุณบางทีอาจจะเป็นเพราะความที่คุณมีอคติกับเขาอยู่บ้างแล้วนั่นเองอาจจะเป็นเรื่องของการเข้าใจผิดทั้งสองฝ่ายแล้วไม่หันหน้าเข้าหากันไม่ยอมทำความเข้าใจและเคลียร์กันให้กระจ่างคุณและเขาจึงไม่อาจมองหน้ากันได้ดังนั้นแนะนำ ให้ลบล้างอคติจากใจคุณเองออกให้หมดเสียก่อนแล้วลองเดินเข้าไปทำความเข้าใจกับเขาใหม่ ด้วยความใจเย็นมีสติรอบคอบและพูดคุยด้วยเหตุผล ทุกปัญหาที่เป็นกันอยู่ อาจจะคลี่คลายในตัวมันเองได้อย่างไม่น่าเชื่อก็เป็นได้ 2. อดทนแล้วคุณจะผ่านพ้นไปได้ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ก็ตามในการทำงานคงไม่มีอะไรจะช่วยคุณ แก้ปัญหาหรือก้าวข้ามปัญหาไปได้นอกจากการสร้างความอดทน ให้กับตัวเองอย่างแข็งแกร่งยิ่งหากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานแย่ๆ แล้วการอดทนเข้าไว้ไม่โต้แย้ง ตอบโต้ ตั้งใจทำงานในส่วนของเราให้ดีที่สุดย่อมเป็นการหลีกเลี่ยงการปะทะ คารมที่ได้ผลดีที่สุดและไม่นานคนๆ นั้นก็ย่อมแพ้ภัยตนเองและหยุดอยากกลั่นแกล้ง คุณไปเองเพราะ หากคุณมีความอดทนแข็งแกร่งดีแล้วต่อให้เจออุปสรรค กับเพื่อนร่วมงานนับพันคุณก็ย่อมก้าวข้ามทุกคนไปได้อย่างองอาจแน่นอน 3. มองมุมกลับเพื่อสร้างความเข้าใจและเห็นใจกัน ในบางครั้ง ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน กับเพื่อนร่วมงาน หากคุณไม่ลดราวาศอกก็อาจจะเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ก็เป็นได้ ดังนั้นหากพบว่าคุณและเพื่อนร่วมงานกำลังมีเหตุ ให้อาจต้องปะทะหรือมีเหตุมองในเรื่องราวบางอย่างขัดแย้งกันแนะนำให้คุณลองมองเรื่องนั้นๆในมุมกลับหรือมองในความคิดมุมต่างที่สวนกันกับเราโดยมองในมุมของเขาบ้างก็ได้ อาจจะทำให้คุณ มองเห็นแง่คิดใหม่ๆที่กระจ่างชัดเจนมากขึ้นหรือจะหันหน้าไปปรึกษาเพื่อนร่วมงานคนสนิทอื่นๆ เพื่อให้เขาให้ข้อแนะนำในจุดนี้ที่เหมาะสมไปพร้อมกัน ก็อาจจะช่วยคุณหลีกเลี่ยง จากปัญหาการกระทบกระทั่งกับเพื่อนร่วมงานไปได้ 4.เลิกนิสัยขี้ซุบซิบนินทา ในการทำงานทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างยิ่งกับกลุ่มสนทนา ที่ชอบจับกลุ่มนั่งนินทากัน […]
10 นิสัย ที่เราไม่ควรทำในที่ทำงาน ในบทความนี้เราจะพอทุกคนไปดู 10 นิสัยที่เราไม่ควรทำเมื่ออยู่ที่บริษัทโดยเด็ดขาด ไม่งั้นได้ดูไม่เป็นมืออาชีพอย่างแน่นอน 1. มาทำงานสาย ไม่ตรงต่อเวลา อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า การทำไปทำงานสายเป็นเรื่องที่ไม่ดีและไม่ควรทำเป็นอย่างมาก เพราะการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะในเวลาเข้างานหรือเวลามีนักคุยงานกับผู้อื่น ดังนั้นนิสัยแรกที่เราควรแก้ก็คือการไปทำงานไม่สาย และถ้าหากในวันไหนเรามีนัดคุยงานกับลูกค้านอกสถานที่ก็ควรที่จะต้องไปถึงก่อนเวลาสักหน่อย เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญกับคนที่เราต้องไปพบด้วย 2. เข้าประชุมสาย ปล่อยให้คนอื่นรอ ซึ่งในข้อนี้ก็เป็นทำนองเดียวกันกับการไปทำงานสายหรือพบลูกค้าสายเพราะการเข้าประชุมสายเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราไมได้ให้ความเคารพกับเพื่อนร่วมงาน (การปล่อยให้คนอื่นรอเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพและไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง) 3. ลาป่วย บ่อยเกินไป เราไม่ได้บอกว่าห้ามลาป่วย ถ้าเราป่วยจริง แต่ถ้าใครชอบลาป่วย ในทุกๆเดือน หรือลาติดๆ กันหลายวันอยู่บ่อยครั้ง แบบนี้ก็ไม่ดีนะ เพราะมันจะมีผลต่อการเลื่อนตำแหน่งงานของเราด้วย… 4. ทานอาหารที่มีกลิ่นเหม็นบนโต๊ะทำงาน ในบางบริษัทก็มีข้อห้ามอย่างชัดเจนว่าห้ามพนักงานนำอาหารมาทานบนโต๊ะทำงานเด็ดขาด หรือในบางบริษัทก็มีข้อยกเว้นสามารถให้พนักงานนำอาหารมาที่โต๊ะได้ (ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกฏระเบียนของแต่ละบริษัท)แต่เราก็มีควรที่จะนำอาหารที่มีกลิ่นเหม็นมาทานบนโต๊ะ นอกจากจะไม่ถูกสุขลักษณะและทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงแล้วยังเป็นการไปรบกวนเพื่อนร่วมงานอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสียงในการทานอาหาร กลิ่นอาหาร และความเลอะเทอะบนโต๊ะ 5. แต่งหน้าที่โต๊ะทำงาน การแต่งหน้าที่โต๊ะทำงาน อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงมากนัก แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยในการแต่งหน้าที่โต๊ะซึ่งบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพหรือมองว่าโต๊ะทำงานมีเอาไว้ทำงานไม่ใช่ที่จะมาใช้สำหรับการแต่งหน้า ดังนั้นถ้าหากเราต้องการแต่งหน้าเพิ่มก็ควรที่จะไปแต่งที่ห้องน้ำจะดีกว่า 6. ตั้งคำถามมากไป เมื่อได้รับมอบหมายงานใหม่ การตั้งคำถามเมื่อได้รับมอบหมายงานไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่เราควรที่จะรวบรวมข้อสงสัยเกี่ยวกับงานใหม่เอาไว้ทั้งหมดก่อน แล้วจึงค่อยถามออกไปไม่ใช่ยิงคำถามออกไปตลอดเวลาในขณะที่กำลังคุยงานกันอยู่หรือกำลังประชุมงานกันอยู่ เพราะมันจะทำให้เราคนอื่นรู้สึกรำคาญได้ […]
วันนี้เราจึงมีไอเดียดีๆ กับ 10 อาชีพเสริม ที่สามารถทำได้ง่ายๆหลังเลิกงาน มาฝากสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อยากเพิ่มเงินในกระเป๋ากัน 1. บล็อกเกอร์ / ทำเว็บไซต์ / ช่อง Y o u t u b e สนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ คุณก็สามารถสร้างบล็อก เว็บไซต์ ช่องYoutube หรือเพจเฟซบุ๊กของตัวเองไว้เขียนคอนเทนต์ หรืออัปเดตข่าวสารต่างๆ ในแฟนเพจได้ติดตามกัน ซึ่งหากมีจำนวนผู้ติดตามมากๆวันหนึ่งอาจมีโฆษณามาลง หรืออาจได้รับงานรีวิวสินค้าด้วยก็เป็นได้ 2. ร้องเพลง-เล่นดนตรีกลางคืน สำหรับใครที่รักและมีความสามารถในการเล่นดนตรี ร้องเพลงลองใช้เวลาว่างตอนหลังเลิกงานแค่ 1-2 ชั่วโมง ออกไปรับจ๊อบเสริมเล่นดนตรี ตามร้านอาหารผับ บาร์ ซึ่งรายได้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือและสถานที่ที่เล่น และไม่แน่ว่าหากคุณมีความโดดเด่นอาจจับพลัดจับผลูต่อยอดกลายเป็นศิลปินดังก็ได้ ใครจะรู้ 3. นักเขียนฟรีแลนซ์ จัดว่าเป็นอีกแหล่งสร้างรายได้เสริมบนโลกออนไลน์ที่มีช่องทางให้โชว์ผลงานเต็มไปหมดทั้งในเว็บไซต์แอปพลิเคชัน หรือสังคมออนไลน์ต่างๆ ส่วนค่าตอบแทนต่อชิ้นก็ถือว่าไม่น้อยยิ่งถ้าเขียนเป็นภาษาต่างประเทศได้ด้วย ค่าจ้างยิ่งสูงเป็นสองเท่าเลย ใครที่ชอบการเขียนมีไอเดียบรรเจิดในหัว ก็อย่าเก็บไว้คนเดียว มาใช้เวลาว่างๆ ทำเป็นอาชีพเสริมกันดู 4. ออกแบบกราฟิก-วาดรูป เป็นงานที่ตลาดกำลังต้องการอย่างมาก สำหรับการออกแบบทำกราฟิกต่างๆ เช่น […]