วันที่ 8 ธ.ค. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อกกต. ขอให้ตรวจสอบนโยบายการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่อาจจะขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 57(1)(2)(3)
โดยนายสนธิญา กล่าวว่า ตนมายื่นใน 3 ประเด็น 1.การถมทะเลในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เพื่อกันน้ำทะเลหนุนท่วม ซึ่งนโยบายดังกล่าวตนได้ยินมาในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และตนก็คัดค้านมาโดยตลอด โครงการนี้ได้รับฟังความคิดเห็นหรือทำประชามติกับประชาชนในพื้นที่หรือไม่ ตนฟันธงว่าการถมทะเลไม่สามารถกระทำได้ ตนมองว่าเป็นนโยบายขายฝัน ที่ผ่านมาฝ่ายค้านด่ารัฐบาลว่าโครงการถมทะเลใช้งบกว่าแสนล้านบาท จะเอาเงินจากที่ไหน นั่นก็คือจะต้องไปกู้
2.เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ถ้าสามารถทำได้ตนยินดีด้วย แต่ถ้ามองบริบทในประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็น เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา ต่างมีค่าแรงต่ำกว่าไทยทั้งสิ้น ซึ่งตอนนี้ไทยมีค่าแรงอยู่ที่ 334 บาท ส่วนค่าแรงของประเทศคู่แข่งของไทยอย่างเวียดนาม มีค่าแรงเพียง 234 บาท หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในปี 2566 ก็จะต้องปรับขึ้นค่าแรงปี 70 บาท นั่นหมายถึงว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องปรับขึ้นค่าแรงในปี 2566 เป็น 440 บาท และจะต้องเพิ่มขึ้นทุกปีจนถึงปี 2570 ซึ่งผู้ที่รับผิดชอบในการจ่ายค่าแรงคือบริษัทเอกชน
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า เมื่อวาน (7 ธ.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ระบุว่า การขึ้นค่าแรงนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณ ถ้าพูดเช่นนี้ตนมองว่า ไม่สมควรเป็นนายกฯ หรือแคนดิเดต เพราะการปรับขึ้นค่าแรง 600 บาท จะกระทบไปทุกวงจรของประเทศไทย และต้องใช้งบประมาณของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร พูดโดยไม่เข้าใจในบริบทของราชการ และต้องถามว่าเมื่อค่าแรงขึ้น ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ตนมองลึกไปกว่านั้นว่า นี่คือนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการสกัดกลุ่มบริษัทของประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่กำลังจะเข้ามาลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาทในปี 2566 หรือเป็นการสกัดบางบริษัทที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนโยบายนี้เป็นการทำลายระบบเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
นายสนธิญา กล่าวว่า 3.การขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำสำหรับบุคคลที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี 25,000 บาท กับคนที่ทำงานมาแล้ว 3 ปี ได้เงินเดือนมาแล้ว 18,000 บาท จะเป็นธรรมกับเขาหรือไม่ และมองว่าจะกระทบกับระบบราชการ ซึ่งการประกาศเป็นของกรมแรงงาน และเมื่อเป็นนโยบายของรัฐ จะต้องไปปรับเงินเดือนให้กับราชการ บริษัทเอกชน
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า จึงเป็นสาเหตุหลักที่มองว่าถ้าจะปรับฐานเงินเดือน จะต้องดูบริบทของประเทศและเศรษฐกิจ เพราะนโยบายเหล่านี้ประกาศแล้วจะกระทบเป็นลูกโซ่ และที่สำคัญการประกาศนโยบายต้องเป็นตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 57 (1) (2) (3) จึงมายื่นต่อกกต.เพื่อให้พิจารณาให้เป็นตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า นโยบายค่าแรง 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ขัดต่อกฎหมายอย่างไร นายสนธิญา กล่าวว่า ตามมาตรา 57 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดว่า นโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงิน การประกาศนโยบายนั้นจะต้องมี 1.วงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ 2.ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินการนโยบายนั้นๆ
3.ผลกระทบและความเสี่ยงการดำเนินการนโยบายนั้นๆ ในกรณีที่พรรคการเมืองไม่ได้จัดทำรายการตาม 3 ข้อข้างต้น ให้กกต.สั่งให้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด จึงจะประกาศเป็นนโยบายได้
ทั้งนี้ วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาในเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งมาจากนโยบายแห่งรัฐ นโยบายของพรรคการเมือง ตนจึงไม่อยากเห็นการหาเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง นำนโยบายที่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่สามารถทำตามที่แถลงต่อประชาชนได้ แต่มีจุดประสงค์ให้ประชาชนเลือก ตนไม่อยากเห็นนโยบายอย่างนั้น จึงขอให้กกต.วินิจฉัย
เมื่อถามว่า การร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเป็นการตีตนไปก่อนไข้หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ไม่ใช่การตีตนไปก่อนไข้ แต่เป็นการทำให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันทุกพรรคการเมือง ที่จะดำเนินนโยบายต่อไปเพื่อให้อยู่บนฐานความเป็นจริงและความเป็นไปได้ ซึ่งหลังจากนี้พรรคไหนก็ตามที่มีนโยบายลักษณะนี้และไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือทำไม่ได้ กกต.ก็ต้องไปตรวจสอบ และตนยืนยันว่าจะยื่นตรวจสอบทุกพรรค
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีนโยบายเก่าของพรรคพลังประชารัฐที่เคยหาเสียงค่าแรง 425 บาทนั้น ต้องเข้าใจว่าปี 2560-2562 ประเทศไทยเจอโควิด-19 ซึ่งตอนนั้นโรงงานปิด คนตกงาน สถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐที่ทำไม่ได้นั้นก็ขอให้ไปดูบริบท ว่า 3-4 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ในสถานะไหน เมื่อถามย้ำว่าจะยื่นให้กกต.ตรวจสอบกรณีนโยบายพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ไม่ยื่น เพราะตนอยู่ฝ่ายรัฐบาล
นายสนธิญา เปิดเผยด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีพรรคเพื่อไทยรับบริจาคเงินในปี 2554 จำนวน 10 ล้านบาท โดยผู้บริจาคเป็นเจ้าของบริษัทหนึ่ง ที่ประกอบธุรกิจอยู่ในกรมอุตุนิยมวิทยา และหลังจากบริจาคเงินให้กับพรรคเพื่อไทยได้ผลประกอบการเพิ่มขึ้น 150 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรื่องนี้ตนมีเอกสารหลักฐานประมาณ 2,000 แผ่น ที่เตรียมจะยื่นต่อ ป.ป.ช.
เมื่อถามถึงกรณีนายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน มีการบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3 ล้านบาทนั้น จะมีการยื่นตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนคงไม่ยื่นร้องเรียน เพราะกกต.รับทราบข้อมูลอยู่แล้ว และตนมีการร้องต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ให้สอบในประเด็นบ้านที่สมุทรปราการแล้ว ส่วนเรื่องเงินบริจาค 3 ล้านเป็นหน้าที่ของ กกต. ซึ่งมีเอกสารครบอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว หากกกต.ไม่พิจารณาจะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่