เวลา 14.00 น. วันที่ 30 พ.ย. 2565 ที่บริเวณริมสระน้ำ บ้านเชียงคาน หมู่ที่ 14 ต.สถาน อ.เชียงของ จ.เชียงราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ร่วมวงเสวนา “การปฏิวัติการทำนาสู่ความยั่งยืน” ร่วมกับเกษตรกร อธิบดีกรมการข้าว และนายกสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก พร้อมเกษตรกร
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่นายกฯ มีความสุข ได้อยู่ท่ามกลางพวกเรา เพราะในความคิดของรัฐบาลและนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล มุ่งหวังทำอย่างไรให้เรามีรายได้สูงขึ้น เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันซึ่งยากพอสมควร ที่ผ่านมาเราอาจจะแก้ปัญหาตรงนู้นบ้างตรงนี้บ้าง แต่วันนี้ดีใจที่เห็นความก้าวหน้า ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลและของตนที่ได้ให้แนวทางไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้งานเยอะหลายอย่างด้วยกัน แต่ทำเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย อยากเห็นรอยยิ้มจากพวกเราทุกคนว่าเมื่อไรเราจะลืมตาอ้าปากได้สักที เมื่อไรเราจะหมดหนี้สิน ไม่ต้องทนทุกข์ เพราะทนทุกข์ในหลายเรื่องจากปัญหาต่างๆ ที่ทุกคนเผชิญอยู่ ตนคิดอยู่ตลอดว่า ทำอย่างไรให้ทุกคนลืมตาอ้าปากได้ให้มีรายได้ที่เพียงพอที่จะใช้จ่าย ซึ่งหลายอย่างมีการพัฒนาแล้ววันนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันหน้าประเทศไทยเปลี่ยนอีกเยอะจะบอกให้ ลองเปิดดูในโทรทัศน์วันนี้บ้านเมืองโตไปมากแล้ว ทุกคนต้องพัฒนาไปตามการเจริญเติบโตของบ้านเมืองไปด้วย นี่คือศักยภาพของเราทำอย่างไรไม่ให้ศักยภาพสูญเปล่า เราเป็นแหล่งข้าวแหล่งน้ำอยู่แล้ว ชาวนาทุกคนจะเป็น Smart Farmer ได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องอาศัยความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ วันนี้นั่งรถเกี่ยวข้าว ทดลองดูนิดหน่อยเวลาขับแล้วเป็นยังไง นึกถึงพวกเราถึงมีรถมันก็ร้อน นั่งทั้งวันคนเดียวก็จะบ้าเหมือนกัน แต่เขาต้องอดทนไม่มีใครอดทนเท่าคนไทยได้อีกแล้ว
“รายละเอียดทุกอย่างผมมีอยู่หมดแล้ว แต่วันนี้อยากฟังจากปากทุกคนเอง เพราะทุกคนคือคนทำ ฟังจากปากคนทำแสดงว่าทำจริง อะไรก็ได้ถ้าทำจริงจังมันก็จะสำเร็จ ผมไม่ชอบหลอกลวงอะไรกัน เพราะต้องการทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น พวกเราทุกคนดีขึ้น เราจะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากอธิบดีกรมการข้าวและตัวแทนเกษตรกร ก่อนกล่าวว่า ขอบคุณทุกคน นายกฯ ดีใจและยินดี รัฐบาลดีใจนี่คือการจุดประกายของพวกเราขึ้นมาโดยพวกเรากันเองร่วมกับรัฐบาล เราพูดกันมานานแล้วในเรื่องของตลาดทางการผลิต ซึ่งมันไม่ใช่แค่นั้น วันนี้เราเจาะไปในไส้ในห่วงโซ่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ข้าว เรื่องที่ดิน ปุ๋ยอินทรีย์ เรื่องน้ำ และเรื่องอื่นๆ พร้อมเอาความต้องการของโรงสีในพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ถ้ากำหนดพื้นที่ให้ได้ว่าปลูกอะไรก็จะสะดวกในการจัดระเบียบและไปสู่การส่งออกตลาดทั้งในประเทศและต่างประเท โดยเราต้องทำกระบวนการขั้นต้นของเราให้แข็งแกร่งตั้งแต่การผลิต แปรรูป การเพิ่มคุณภาพ เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่โลกให้ความสำคัญที่สุดการแก้ปัญหาโลกร้อน
“หากเราทำก่อนเราก็จะมีโอกาสก่อนประเทศอื่น เพราะวันหน้าเราต้องถูกกีดกันทั้งในเรื่องการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์โดยไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ถ้าเราทำอินทรีย์ทั้งหมดเราสามารถขึ้นทะเบียนได้ว่าเป็นสินค้ารักษ์โลก ภาษีก็จะลดลงอีก รายได้จะเพิ่มขึ้น ผมพูดในเวทีเอเปคไปแล้วในการสนับสนุนสินค้า BCG ซึ่งหลายอย่างเป็นปัญหาการกีดกันการค้า นอกจากเรื่องสงคราม”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนมาเพื่อติดตามความก้าวหน้าของทุกคน ไม่ได้มาเพราะเรื่องอื่นๆ วันนี้เราต้องมองให้ไกล ถ้ามองใกล้ตัวมันก็เห็นแต่ความทุกข์ จึงต้องมองนอกจากตัวเองไปถึงคนอื่นและกลไกที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น รัฐบาลจึงจะช่วยได้ ยืนยันว่าตนจะสนับสนุนในโครงการเหล่านี้ต่อไปตราบใดที่ยังอยู่ พร้อมวางรากฐานให้รัฐบาลต่อๆ ไปด้วย ไม่เช่นนั้นมาพบทุกคนก็เจอกันแบบเดิม หน้าแห้งทุกที ทำนาเสร็จไม่รู้ไปไหนเข้ากรุงเทพฯ เข้าเมืองหางานทำ ซึ่งวันนี้งานไม่ได้ง่ายนัก
“เราจะเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้าที่ใหญ่ในอาเซียนและเป็นแห่งหนึ่งของโลก วันนี้มาหลายบริษัทกำลังเจรจา หลายอย่างวันนี้อยากจะบอกประเทศไทยมีโอกาสแล้วเพราะพวกเราอยู่กันสงบ เรียบร้อย มีความสุขมีเสถียรภาพ ทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา แต่เอาน้อยๆ ลงหน่อยได้ไหม เพราะคนจับตาดูอยู่ เขาบอกประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญเป็นเป้าหมายสำคัญของโลกในปัจจุบัน”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดคือการปฏิรูปทุกมิติปฏิรูปการทำงานของเรา รัฐบาลต้องแก้ปัญหาทุกมิติวันนี้ตนมีภารกิจอีกที่หนึ่ง แต่ได้เห็นหน้าทุกคนก็ชื่นใจ เวลาเจอพวกเรา ตนมีความสุขทุกทีเพราะรู้ว่าพวกเราบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรอย่างอื่น และที่ตนทำมาทั้งหมดนี้ใช้เวลามานานพอสมควรหลายปีมาแล้ว กี่ปีไม่รู้นานแล้วมั้งคงเบื่อแล้วมั้ง ซึ่งหลายอย่างไม่ได้เกิดขึ้นวันเดียวสองวันหรือปีสองปี ที่พูดเมื่อกี้ใช้เวลากี่ปีกว่าจะทำวันนี้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือถนนหนทางโลจิสติกส์ที่จะเชื่อมรวมทุกอย่างการไปมาหาสู่ การอำนวยความสะดวกต่างๆทั้งหมดเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เราทุ่มเทมามากพอสมควร 7-8 ปีไม่เช่นนั้นคงมาไม่ถึงวันนี้ นอกจากนี้ ยังวางพื้นฐานโครงสร้างออนไลน์โซเชียลซึ่งไม่มีใครคิด แต่ทำมาหลายปีแล้ว ไม่ใช่แค่ตน แต่ทุกคนช่วยกันทำ
“เราช่วยกันทำมาหลายปีแล้วจึงได้เจริญเติบโตมาถึงวันนี้ ทำให้เราเป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียนเรื่องดิจิทัลหรืออันดับต้นของโลกนี่คือโอกาสของพวกเราต้องเรียนรู้อยู่ด้วยกัน เสนอคิดกันอะไรที่รวมกลุ่มกันมาทำได้หมด ถ้าแยกเป็นพวกๆ กลุ่มๆ ตีกันไปตีกันมารัฐบาลทำอะไรไม่ได้ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งอยากบอกว่าวันนี้มีความสุข” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินพบปะทักทายเกษตรกรอย่างอารมณ์ดี พร้อมขอให้ทุกคนโชว์รอยยิ้มสยามให้ดูหน่อย ยิ้มกว้างๆ พร้อมระบุช่วงหนึ่งว่า “วันนี้แพ้อากาศน้ำมูกไหล แต่ไม่ได้เป็นโควิดตรวจแล้ว ขอให้ทุกคนระวังด้วย ไม่ได้บอกให้ตระหนก แต่วันนี้การท่องเที่ยวเราดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากเปิดประเทศ ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ มีปัญหา ทะเลาะเบาะแว้งก็ไม่มีใครมา”
“เดี๋ยวหาว่ามาทำการเมือง ไม่ได้ทำการเมือง มาทำการบ้าน มาติดตามงานแบะนโยบายที่ให้ไว้ ทั้งหมดจะอยู่แค่ไหนเป็นเรื่องของประชาธิปไตยการเลือกตั้งว่ากันไ ปวันนี้ไม่ได้มาเรื่องการเมืองนะ เดี๋ยวจะโดนอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวพร้อมกับยิ้ม
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่โรงเรียนบ้านน้ำม้า ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นายกรัฐมนตรีได้แวะทักทายเด็กนักเรียนที่รอพบ พร้อมขอให้ทุกคนเป็นคนดี ตั้งใจเรียน รวมทั้งรักครอบครัว พ่อแม่ ครูอาจารย์ สถาบันทั้ง 3 และประเทศชาติ เรียนรู้ประวัติศาสตร์จะได้รู้ว่าเรามาจากไหน จากนั้นร่วมถ่ายรูปกับเด็กนักเรียนอย่างอารมณ์ดี