เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 12 ก.ย. 67 ที่สภ.เขวาใหญ่ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ได้แถลงข่าวจับกุม 2 สามีภรรยา ขับรถกระบะตะเวนขโมยคอมแอร์ มาชำแหละขายกว่า 30 ตัวจาก 3 จังหวัด จากเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2567 เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้แจ้งความมีคนร้ายเข้ามาทำการลักทรัพย์ คอมเพรสเซอร์แอร์ (คอยล์ร้อนแอร์) จำนวน 1 เครื่อง วันที่ 24 ส.ค.2567 จำนวน 3 ตัว และวันที่ 23 ส.ค.2567 จำนวน 1 เครื่อง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ออกสืบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรที่ติดอยู่ตามเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ จนทราบว่า รถที่ใช้ก่อเหตุ มี 2 คัน คือ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า สีเขียว และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล สีน้ำเงิน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 04.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์กระบะส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บล-7175 มหาสารคาม ซึ่งมีลักษณะตรงกับภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกให้หยุด และทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นภายในรถยนต์ พบอุปกรณ์เครื่องมือช่างหลายรายการ
จากการสอบสวนพบนายธรากาณ์ อายุ 40 ปี ชาว อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม และน.ส.ธัญญารัตน์ อายุ 33 ปี ชาว ต.เสือโก๊ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์คอมเพรสเซอร์แอร์ (คอยล์ร้อนแอร์) ในเขตพื้นที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 5 เครื่อง โดยใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ทั้ง 2 คัน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”จากนั้น นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางพนักงานสอบสวน สภ.เขวาใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายนพวิทย์ ศรีเวียงธนาธิป ผอ.กองส่งเสริมการวิจัยและบริการวิชาการ มหาสารคามิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ดีใจที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายมาได้ แต่เห็นสภาพแล้วคงไม่สามารถนำกลับมาใช้งานได้เพราะโดนชำแหละจนไม่สามารถที่ทราบเลยว่าอุปกรณ์ไหนของแอร์ตัวไหน ส่วนคอมแอร์ที่โดนขโมยจำนวน 5 เครื่อง เป็นมูลค่าประมาณ 2 แสนกว่าบาท ซึ่งเป็นแอร์ของห้องประชุมเลยไม่ได้กระทบการการเรียนของนิสิต
เจ้าหน้าชุดสืบสวน สภ.เขวาใหญ่ กล่าวว่า ทางชุดสืบสวนเราได้ลงพื้นที่ จนทราบว่าคนร้ายมี่ความรู้ทางด้านแอร์ คือในการหาคอมแอร์จะใช้ GPS ทำการดูว่าคอมแอร์อยู่ตรงจุดไหน แล้วก็จะมาทำการปล่อยน้ำแอร์ออกก่อนกันการระเบิด จากนั้นก็ย้อนลับมาขโมย แล้วก็นำกลับไปแยกชิ้นส่วนเพื่อนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าที่ อ.วาปีปทุม จากการตรวจสอบประวัติ มีการแจ้งความเอาไว้ทั้ง 2 สามีภรรยาคู่นี้ได้ทำการขโมยไปแล้ว 30 เครื่อง ในหลายพื้นที่ 3 จังหวัด ดังนี้
จังหวัดมหาสารคาม อำเภอเมืองมหาสารคาม 6 เครื่อง อำเภอกันทรวิชัย 5 เครื่อง อำเภอโกสุมพิสัย จำนวน 2 เครื่อง อำเภอบรบือ จำนวน 1 เครื่อง (4.) อำเภอกุดรัง จำนวน 1 เครื่อง (5.) อำเภอนาเชือก จำนวน 1 เครื่อง อำเภอแกดำ จำนวน 1 เครื่อง อำเภอพยัคฆภูมพิสัย จำนวน 3 เครื่อง จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จำนวน 4 เครื่อง อำเภอปทุมรัตน์ 1 เครื่อง อำเภอเกษตรวิสัย จำนวน 2 ตัว และจังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอสตึก จำนวน 3 เครื่อง