Categories
ข่าว

บังคับใช้แล้ว! กฎหมาย “คาร์ซีท” สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ที่นั่งในรถ หากละเลย โดนโทษปรับ 2,000 บาท

วันที่ 18 ส.ค.2566 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แจ้งกฎหมายเรื่องการกำหนดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย และวิธีการป้องกันอันตราย ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ พ.ศ. 2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.2566 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องมีคาร์ซีท (Car Seat)

ส่วนกรณีไม่มีคาร์ซีท จะต้องปฏิบัติตามหลัก 3 ข้อที่กำหนด ซึ่งหากละเลย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท กฎหมายคาร์ซีท เป็นผลสืบเนื่องจากการปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 โดยกำหนดให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ที่นั่งในรถ ต้องมีคาร์ซีท

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ซึ่งมี 2 แบบ คือ 1.ที่นั่งนิรภัยชนิดนั่งหันไปทางด้านหลังรถและที่นั่งนิรภัยชนิดนั่งหันไปทางด้านหน้ารถ และ 2.ที่นั่งพิเศษแบบที่นั่งเสริมที่ไม่มีพนักพิง (Booster Seat) โดยทั้ง 2 แบบดังกล่าว ต้องมีระบบยึดเหนี่ยวตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ขณะที่ รถรับจ้าง รถสาธารณะ ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก

น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ประชาชนไม่มีคาร์ซีท แต่มีเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี นั่งในรถด้วย จะต้องปฏิบัติตามหลัก 3 ข้อที่กำหนด จึงจะถือว่าปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและได้รับยกเว้นไม่ต้องมีคาร์ซีท ดังนี้ 1.ขับรถด้วยความเร็วช้า โดยคำนึงถึงความปลอดภัย และต้องขับชิดซ้าย

2.ให้เด็กนั่งในที่นั่งโดยสารตอนหลัง หรือกรณีรถกระบะ หรือกึ่งกระบะให้นั่งโดยสารตอนหน้าได้ แต่ห้ามนั่งท้ายกระบะ 3.จัดให้มีผู้ดูแลเด็กในขณะโดยสาร หรือให้เด็กรัดเฉพาะเข็มขัดรัดหน้าตัก (อย่างใดอย่างหนึ่ง) หากละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัย มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้เรื่องข้อกฎหมายที่สำคัญ ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้อง ซึ่งกฎหมายคาร์ซีทจะช่วยดูแลความปลอดภัยให้เด็กในท้องถนน ลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์แก่ประชาชน และบุตรหลาน