Categories
ข่าว

เปิดยิ่งใหญ่อลังการ!! บุญเบิกฟ้า งานกาชาดมหาสารคาม สืบสานประเพณีชาวอีสาน

วันที่ 21 ม.ค.66 เวลา 17:00 น. ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองมหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีบุญเบิกฟ้าและงานกาชาดจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2566

โดยจังหวัดมหาสารคาม และเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม ได้จัดงาน ประเพณีบุญเบิกฟ้าและงานกาชาดจังหวัดมหาสารคาม ต่อเนื่องเป็นประจําทุกปี เพื่อเป็นการสืบสานศิลปวัฒนธรรม และอนุรักษ์ประเพณีของชาวอีสาน ให้คงอยู่สืบเนื่องไป โดยมีความเชื่อสืบต่อกันมาแต่โบราณกาลว่า เมื่อถึงวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ฟ้าจะไขประตูฝนลงสู่โลกมนุษย์ ซึ่งเป็นวันที่ชาวโลก มีความอิ่มและมีความอุดมสมบูรณ์ที่สุด เกษตรกรจะนําปุ๋ยคอกจากมูลโค กระบือ ไปใส่ไร่นา ของตน เพื่อเตรียมการเพาะปลูกในฤดูกาลที่จะมาถึง และมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามของท้องถิ่นอีสานให้คงอยู่สืบไป เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนในท้องถิ่น ทําการบํารุงดินให้เกิดความ อุดมสมบูรณ์เพื่อให้พืชพันธุ์ธัญญาหารเจริญงอกงาม และมีการบวงสรวง แม่โพสพตามความเชื่อมาแต่โบราณ เพื่อหารายได้สนับสนุนกิจการของเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม นําไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ราษฎรที่ประสบสาธารณภัยต่างๆ และกิจกรรม อันเป็นสาธารณกุศล เพื่อเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคี ความร่วมมือของ ภาคราชการและประชาชน และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดมหาสารคาม

การจัดงานในปีนี้กําหนดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 29 มกราคม 2566 รวม 9 วัน 9 คืน ภายในบริเวณงานมีการจัดนิทรรศการ ของส่วนราชการ ห้างร้าน บริษัทเอกชน การประกวดพืชผลทางการเกษตรและการแสดง มหรสพตลอดงาน

นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ กล่าวว่า ประเพณีบุญเบิกฟ้า เกิดขึ้นจากความเชื่อที่ว่าเป็นวันที่ฟ้าจะไขประตูฝน โดยจะมีเสียงฟ้าร้องทางทิศใดทิศหนึ่งใน 8 ทิศ กล่าวคือ ทิศบูรพา ทิศอาคเนย์ ทิศหรดี ทิศปัจฉิม ทิศพายัพ ทิศอุดร ทิศทักษิณ และ ทิศอีสาน ซึ่งแต่ละทิศจะมี คําทํานายที่เล่าสืบทอดกันมา นับได้ว่าเป็นประเพณีที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวอีสานในการสอน ลูกหลานเพื่อต้องการที่จะให้มีการปรับปรุงบํารุงดิน เพิ่มความอุดม สมบูรณ์ให้แก่ดินด้วยวิถีทางธรรมชาติ โดยการนําปุ๋ยคอกไปใส่ท้องนา เพื่อเตรียมความพร้อม สําหรับฤดูกาลทํานาที่กําลังจะมาถึง ผมรู้สึกดีใจ ที่ได้รับรู้ และมีส่วนร่วมในการฟื้นฟู และอนุรักษ์ประเพณีนี้ จึงขอให้มีการดําเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่ออนุชนรุ่นหลังจะได้เข้าใจ จดจําประเพณี อันสําคัญ และศักดิ์สิทธิ์นี้ตลอดไป